ยอดขายตก องค์กรตกม้าตาย เพราะ เสียงห่วย

ธุรกิจหลายแห่งเจ๊งเพราะพลาด ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของของเสียง
เสียงทำให้บริษัทเจ๊งได้เหรอ เสียงทำให้บริษัทยอดตกได้เหรอ
เสียงมีความสำคัญกับองค์กรของคุณยังไงมาดูกัน วันนี้เราจะมาพูดถึง เสียงหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทกัน นั่นก็คือ

IVR voice( Interactive Voice Response)

คือเสียงตอบรับอัตโนมัติเวลาที่คุณกดโทรศัพท์ไปหาบริษัทต่างๆ จะได้ยิน เสียงอัตโนมัติ ที่คอยบอกต้อนรับ โดยจะ เรียงลำดับหัวข้อที่คุณต้องการ ให้คุณทำตามขั้นตอนหรือกด หมายเลข เพื่อให้คุณติดต่อไปยังหน่วยงานต่างในบริษัทได้

ช่องทางนี้ เป็นด่านแรกของบริษัท ที่จะต้อนรับลูกค้า เสมือนพนักงานต้อนรับที่คอยช่วยรับสายและพูดคุยกับลูกค้า แต่ทว่า บางบริษัทใหญ่โต แต่ไม่ให้ความสำคัญ

บางบริษัทเป็นบริษัทขายสินค้าโม เดริน ทันสมัย หรือ เป็นบริษัทที่ขาย เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่เสียงระบบอัตโนมัติ กลับเป็นสียงป้าแก่ พูดห้วนๆ เนิบๆ ไม่มีพลัง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกว่า ภาพลักษณ์ของบริษัทไปในทางลบได้ หรืออาจถึงขั้น ความคิดของผู้บริหารไม่ทันสมัย ไม่ใส่ใจรายละเอียด ไม่แสดงถึงความทันสมัยเหมือนสินค้าที่ขาย แล้วธุรกิจจะไปข้างหน้าอย่างไร (น่าคิด)

บางบริษัทเป็นบริษัทใหญ่โต แต่เมื่อโทรเข้าไป เป็นเสียงเล็กๆ เหมือนเสียงเด็ก เสียงที่ไม่มีความเชื่อมั่น ตะกุกตะกักมาอัดเสียง เสียงน้ำลาย เสียงไม่แกรนสมกับเป็นบริษัทใหญ่ ไม่มีความน่าเชื่อถือมาอัด เสียงแบบนี้จะส่งผลให้ บริษัทไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีเสน่ห์
เหมือนโอเปอร์เตอร์รับสายธรรมดา ไม่ได้สร้างความประทับใจแรกตั้งแต่โทรศัพท์เข้ามาเลย

และอาจจะส่งผลต่อจิตใต้สำนึกของลูกค้าว่า บริษัทไม่มีความเป็นมืออาชีพ หรือบริษัทใหญ่แต่ขาดความละเอียด ไม่ใส่ใจรายละเอียดที่จะทำให้บริษัทดูมีความน่าเชื่อถือ แล้วอย่างอื่นจะทำได้ดีหรือเปล่า

การอัดเสียงระบบอัตโนมัติ ควรน้ำเสียงที่ควรได้ยิน ควรเป็นเสียงที่เต็มใจให้บริการ ชัดเจน ฟังง่าย อบอุ่น เป็นมิตรและเสียงควรบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ เพราะมันส่งต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ให้ลูกค้ามั่นใจในบริษัทตั้งแต่แรก

นี่เป็นสาเหตุทำให้องค์กรใหญ่ๆลงทุน คัดเลือก และพิจารณา เสียงที่จะมาเป็นระบบอัตโนมัติ เพราะเค้ารู้ถึงข้อดีว่า มันทำให้น่าเชื่อถือ และสื่ออารมณ์ถึงความเป็นตัวตนของบริษัทนั้นได้ ทำให้บริษัทถูกจดจำลงไปในหัวใจลูกค้า ด้วยการเลือกเสียงของAnnouncer

ยกตัวอย่างบริษัทใหญ่ๆ อย่างเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ที่อยากให้ลูกค้า รับรู้ได้ถึงความแตกต่างจากธนาคารอื่นๆ ด้วยการนำพี่เบริ์ด มาเป็นคนอัดเสียงระบบ

เอไอเอสที่เน้นใช้เสียงที่ให้ความเป็นกันเอง

ดีแทค ก็เน้นความรวดเร็ว เป็นกันเอง โดยเขียนสคริฟให้สั้น พูดให้สั้นลง

ทรูมูฟเอช เน้นสองด้าน คือ เสียงทางการยิ่งใหญ่ กับเน้นเสียงสดใสสไตส์มะลิ พูดได้ถามตอบได้

นกแอร์ใช้อารมณ์น่ารัก เป็นมิตร เข้าถึงได้

พิซซ่าเน้นความรวดเร็วสดใสร่าเริง

สยามนิรมิตรเน้นความทางการ

ท่าอากาศยานไทยใช้เสียง เน้นความทางการ น่าเชื่อถือ เป็นต้น

หากคุณเป็นบริษัท ต้องการความน่าเชื่อถือ เสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กร การเลือกเสียงAnnouncer for ivr ก็มีความสำคัญไม่แพ้การเลือกพนักงาน1 คนเลยทีเดียวค่ะ

——————————————————————————————————————————————
มยอดขายเป็น100 เท่า เพียงแค่รู้เทคนิคการเลือกคAnnouncer (คนอัดสปอต) ???????????????????????????????

?ปัจจุบัน คนทำโฆษณามากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย และทำสินค้าให้เป็นที่จดจำ ไม่ว่าจะเป็นการทำสปอตโฆษณาวิทยุ หรือโทรทัศน์ การทำวีดีโอบรรยายสินค้าต่างๆ วีดิโอแนะนำสินค้า วีดีโอขายสินค้า ทำคลิปโฆษณาลงยูทูป เป็นต้น

?? การทำโฆษณา นอกจากเทคนิคการเขียนสคริฟ การเลือก Presenter การทำอนิเมะชั่น การถ่ายทำภาพให้สวยแล้ว การเลือกเสียงผู้บรรยายก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

?? เพราะ ถึงแม้ถ่ายทำวีดีโอได้ดีเพียงใด แต่ถ้าวีดีโอนั้น มีแต่ตัวหนังสือ หรือ เป็นเสียงเงียบ หรือ เสียงพากย์ไม่ดี ไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็อาจทำให้โฆษณาตัวนั้น หมดความน่าสนใจ และลูกค้าอาจไม่ซื้อของได้ค่ะ (หาAnnouncer เก่งๆ หรือ จ่ายงบนี้เพิ่มอีกนิดเพื่อเสียงที่ดี งานเนี้ยบคุ้มกว่ากันเยอะค่ะ )

♫♫ เสียงโฆษณาที่ดี จะทำให้คนดูสนใจในตัวสินค้า และอยากซื้อสินค้าของเรามากยิ่งขึ้น และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ สร้างให้คนจดจำ นอกจากเสียงยังสามารถสื่อให้เห็นถึงบุคลิกของแบรนด์ สร้าความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าตามเสียง announcer

?? ดังนั้น เทคนิคในการเลือกAnnouncer(คนอัดสปอต )ก็คือ??

1.เนื้อเสียงใส น้ำเสียงไพเราะ น่าฟัง ไม่มีน้ำลายจุบจิบ ให้น่ารำคาญ

2.เนื้อเสียงตรงกับคาแรคเตอร์ ตรงกับบุคลิกของแบรนด์ เช่นทางการ เซ็กซี่ หรือ สดใส

3. น้ำเสียงต้อง สร้างความน่าเชื่อให้กับสินค้าของเราได้

4.สามารถทำMood and Tone ตามบทบาทที่ได้รับ เสียงดีแล้ว ต้องสามารถทำอารมณ์ได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้อีกด้วย (บางคนเสียงดีแต่อ่านได้ทื่อ ใส่อารมณ์ให้ความรู้สึกตามที่บอกไม่ได้ )

5.มีความเป็นมืออาชีพ ครอบคลุมเรื่องของการมาทำงาน ความรู้ความสามารถในการใช้เสียง การรู้รายละเอียดงาน ความรวดเร็วในการทำงาน ก็จะยิ่งทำให้ประหยัดเวลา และคลายความสบายใจในการทำงานอีกด้วย